บทนำ
หากคุณกำลังเจอปัญหาพนักงานในออฟฟิศของคุณกำลังนั่งหลังงอ บ่นปวดเมื่อย หรือมีอาการเหนื่อยล้าบ่อยๆ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณกำลังบั่นทอนสุขภาพและประสิทธิภาพของทีม! ในฐานะ HR คุณมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงาน และการยศาสตร์คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณปลดล็อกศักยภาพนี้ ซึ่งเป็นวิธีการที่องค์กรใหญ่ๆ ทั่วโลกที่เข้าใจและนำหลักการยศาสตร์ มาใช้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปดู 7 กลยุทธ์ Ergonomics เพื่อเป็นไอเดียเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพ
สารบัญ
มารู้จัก! การยศาสตร์ (Ergonomics) คืออะไร
การยศาสตร์ (Ergonomics) คืออะไร? ความจริงแล้ว เราอาจคุ้นเคยกับแนวคิดนี้มากกว่าที่คิด การยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับมนุษย์ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ ลองนึกถึงเก้าอี้ทำงานที่ปรับระดับได้ หรือโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาให้วางแขนได้สบาย นั่นแหละคือตัวอย่างของการยศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ความสำคัญของการยศาสตร์นั้นมีมากมาย โดยเฉพาะในยุคที่เราใช้เวลากับการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมช่วยลดอาการปวดเมื่อย ลดความเครียด และป้องกันการบาดเจ็บจากการทำงานซ้ำๆ ได้ ประโยชน์ของการยศาสตร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องสุขภาพ แต่ยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานด้วย เมื่อพนักงานรู้สึกสบายและผ่อนคลาย พวกเขาจะมีสมาธิและทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดการลาป่วยและเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อองค์กร
Case Study องค์กรที่ใช้หลักการยศาสตร์เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
มาดูกรณีศึกษาที่น่าสนใจของบริษัท Rhone-Poulenc Rorer กันในปี 1989 บริษัทนี้เผชิญปัญหาใหญ่ 80% ของค่าชดเชยแรงงานมาจากความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก อุบัติเหตุที่ทำให้สูญเสียเวลาทำงานมีถึง 66 ครั้ง และมีการบาดเจ็บที่บันทึกได้ 156 ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการชดเชยแรงงานพุ่งสูงถึง 1.2 ล้านดอลลาร์ แต่แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจนำหลักการยศาสตร์มาใช้ เริ่มจากการออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ ลดการยกของจากระดับพื้นลง 80% ติดตั้งระบบยกแบบไฟฟ้าและสายพานลำเลียงแบบยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแผ่นกรองโลหะหนัก 60 ปอนด์ เป็นกรอบพลาสติกเบาเพียง 15 ปอนด์
ผลลัพธ์ที่ได้
- ในปี 1994 อุบัติเหตุที่ทำให้สูญเสียเวลาทำงานลดลงเหลือเพียง 4 ครั้ง
- การบาดเจ็บที่บันทึกได้ลดลงเหลือ 60 ครั้ง
- ค่าชดเชยแรงงานลดลงถึง 10 เท่า
- เห็นได้ชัดว่าการลงทุนในการยศาสตร์ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าการใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานสามารถส่งผลดีต่อธุรกิจได้อย่างไร
ออกแบบโต๊ะให้เหมาะสม
การออกแบบโต๊ะทำงานที่เหมาะสมเป็นเรื่องอันดับแรกที่คนจะทำเมื่อจะนำเอาการยศาสตร์มาใช้ในสำนักงาน เพราะโต๊ะที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้อย่างมาก เริ่มจากความสูง โต๊ะทำงานมาตรฐานควรสูง 70-80 เซนติเมตร แต่ที่ดีที่สุดคือโต๊ะปรับระดับได้ เพราะช่วยให้ปรับให้เหมาะกับสรีระของแต่ละคน ความสูงที่เหมาะสมคือระดับที่ทำให้วางเท้าบนพื้นได้สบาย ไม่ต้องนั่งชันเข่าหรือปล่อยขาลอย พื้นที่ใช้สอยก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรมีขนาดอย่างน้อย 60-80 เซนติเมตร เพื่อให้มีพื้นที่ทำงานเพียงพอ ไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนแผ่นท็อปโต๊ะ ควรเลือกแบบผิวเรียบ ไม่สะท้อนแสง และไม่เป็นผิวมันหรือกระจก เพื่อลดความเมื่อยล้าของสายตา
ปรับปรุงท่าทางการทำงานตามหลักการยศาสตร์
ท่าทางการทำงานที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์เป็นอีกปัจจัย ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เริ่มจากการปรับความสูงของเก้าอี้ให้เท้าวางราบกับพื้น และหัวเข่าอยู่ในระดับเดียวกับหรือต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อย นั่งหลังตรงพิงพนักเก้าอี้ โดยใช้เบาะรองหลังเพื่อรองรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลัง วางแขนให้ข้อศอกทำมุม 90-110 องศา และใช้ที่พักแขนของเก้าอี้เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและลดความตึงที่ไหล่และคอ จัดวางอุปกรณ์ที่ใช้บ่อย เช่น โทรศัพท์ ที่เย็บกระดาษ หรือเอกสาร ให้อยู่ใกล้ตัวเพื่อลดการเอื้อม และหากใช้โทรศัพท์บ่อย ควรใช้ลำโพงหรือหูฟัง เพื่อหลีกเลี่ยงการหนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างหูกับไหล่ การปรับเปลี่ยนท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากในระยะยาว ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้
จัดวางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม
สำหรับใครที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นประจำ การจัดวางอุปกรณ์อย่างเหมาะสมตามหลักการยศาสตร์เป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำ เพราะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพในระยะยาว เริ่มจากการวางจอคอมพิวเตอร์ให้ขอบบนของจออยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย และห่างจากตาประมาณ 45-75 เซนติเมตร เพื่อลดอาการปวดคอและตา ควรหลีกเลี่ยงการวางจอภาพให้มีแสงสะท้อน โดยใช้ม่านบังแสงหรือย้ายออกจากแสงไฟที่สว่างจ้า ส่วนคีย์บอร์ด ควรวางให้อยู่ตรงกลางลำตัว และอยู่ในระดับที่ข้อมือตรง ไม่งอขึ้นหรือลง เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการปวดข้อมือ อย่าลืมวางเมาส์ให้อยู่ใกล้แป้นพิมพ์ในระยะที่เอื้อมถึงได้สะดวก เพื่อหลีกเลี่ยงการเอื้อมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความเมื่อยล้าและการบาดเจ็บได้
ใช้เก้าอี้ที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์
เก้าอี้ทำงานที่ดีไม่ได้มีไว้แค่นั่งสบาย แต่ต้องออกแบบตามหลักการยศาสตร์ด้วย เพื่อช่วยลดอาการปวดหลังและคอ เก้าอี้ที่ดีควรปรับความสูงได้ในช่วง 16-21 นิ้วจากพื้น ช่วยให้เท้าวางราบ ต้นขาขนานกับพื้น และแขนอยู่ในระดับเดียวกับโต๊ะ พนักพิงหลังควรมีความกว้าง 12-19 นิ้ว รองรับแนวโค้งธรรมชาติของกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะบริเวณเอว สามารถปรับมุมเอนและล็อคตำแหน่งได้ ที่รองรับเอวควรปรับความสูงและความลึกได้ตามสรีระ ที่วางแขนต้องบุนวมเพียงพอ เพื่อความสบายในการนั่งนาน และควรเป็นวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี การเลือกเก้าอี้ที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ อาจต้องลงทุนสูงกว่าเก้าอี้ทั่วไปบ้าง แต่คุ้มค่ากับสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นในระยะยาว ถ้าเป็นไปได้ ลองจัดซื้อเก้าอี้ทำงานแบบ Ergonomics ดูสักตัว รับรองว่าคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
จัดแสงสว่างให้เหมาะสม
แสงที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าโดยไม่รู้ตัว! ใช่นี้คือเรื่องจริงที่ถูกมองข้ามตอนที่ออกแบบสำนักงาน เริ่มจากการปรับแสงให้เพียงพอแต่ไม่จ้าเกินไป เพื่อลดอาการปวดตาและความเมื่อยล้า นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทำงานในจุดที่มีเงาทอดยาว และปรับระดับความสูงของดวงไฟให้เหมาะสม แสงธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถใช้แสงธรรมชาติได้ ลองเลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสงใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ การทาสีผนังและเพดานด้วยสีอ่อนก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยกระจายแสงได้ดี
งานทั่วไปในคลังสินค้า
- ความเข้มแสงที่เหมาะสม: 200-300 ลักซ์
- เหตุผล : งานในคลังสินค้าส่วนใหญ่ไม่ต้องการความละเอียดสูง จึงใช้ความเข้มแสงระดับปานกลาง
งานละเอียด เช่น การเขียนแบบ
- ความเข้มแสงที่เหมาะสม: 500-750 ลักซ์
- เหตุผล : งานที่ต้องการความแม่นยำและรายละเอียดสูง จำเป็นต้องมีแสงสว่างมากกว่าปกติ
ออฟฟิศทั่วไป
- ความเข้มแสงที่เหมาะสม: 300-500 ลักซ์
- เหตุผล : เหมาะสำหรับงานสำนักงานทั่วไปที่มีทั้งการอ่าน เขียน และใช้คอมพิวเตอร์
งานที่ใช้คอมพิวเตอร์
- ความเข้มแสงที่เหมาะสม: 300 ลักซ์
- เหตุผล : ความเข้มแสงที่ต่ำลงช่วยลดแสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้สบายตามากขึ้น
ส่งเสริมการเคลื่อนไหวและพักเป็นระยะ
การนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ขยับตัว อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยและส่งผลเสียต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน การส่งเสริมให้พนักงานเคลื่อนไหวและพักเป็นระยะจึงเป็นอีกหนึ่งหลักการสำคัญของการยศาสตร์ HR หรือหัวหน้างานควรกระตุ้นให้พนักงานลุกเดินและยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ เช่น ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง อาจจัดกิจกรรมยืดเส้นยืดสายร่วมกันในออฟฟิศ หรือแนะนำเทคนิคการยืดเหยียดร่างกายที่ถูกต้องให้กับพนักงาน การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นระยะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ส่งผลให้พนักงานมีสมาธิและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การจัดพื้นที่พักผ่อนหรือมุมสบายๆ ในออฟฟิศ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้พนักงานได้ผ่อนคลายและเปลี่ยนอิริยาบถในระหว่างวัน
ฝึกอบรมพนักงานเรื่องการยศาสตร์
จัดโปรแกรมฝึกอบรมช่วยให้พนักงานเข้าใจหลักการยศาสตร์และวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการยศาสตร์เบื้องต้น เช่น การจัดวางอุปกรณ์ การปรับท่าทางการทำงาน และการเคลื่อนไหวเป็นระยะ การฝึกอบรมนี้ช่วยให้พนักงานสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและอาการปวดเมื่อยได้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการยศาสตร์ยังเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว แต่ต้องทำให้เป็นนิสัยและวัฒนธรรมขององค์กร การสนับสนุนจากผู้บริหารและทีมงานจะช่วยให้การยศาสตร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานประจำวัน
ท้ายบทความ
มีหลายองค์กรชั้นนำได้นำการยศาสตร์ ไปใช้จริง ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เพียงแค่ทฤษฎี แต่เป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานทุกคนได้ ถึงเวลาแล้วที่องค์กรของคุณจะให้ความสำคัญกับการยศาสตร์ เพราะ “เมื่อพนักงานมีความสุข บริษัทก็เติบโตได้ดี” หากคุณเห็นว่าบทความที่เราตั้งใจเขียนนี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนร่วมงานหรือทีม HR ของคุณได้อ่านกัน และติดตามเราเพื่อรับเนื้อหาดีๆ จากเราในวันหน้า!