Resistance band เป็นอุปกรณ์ที่นิยมในหมู่คนออกกำลังกายเพราะสามารถพกพา ได้สะดวกและมีท่าออกกำลังกายที่หลากหลาย อีกทั้งตัวยางยืดเองยังมีรูปแบบที่หลากหลาย
เราอยากออกกำลังกายแบบไหน ใช้ลดน้ำหนัก เบิร์นแครอรี่, ใช้สร้างกล้ามเนื้อ, ใช้เล่น maintain กล้ามเนื้อ,ใช้ออกกำลังกายทั่วไป หรือใช้ยืดกล้ามเนื้อวอร์มร่างกาย ก่อน-หลังออกกำลังกาย พอเรามีเป้าหมายเราก็จะสามารถเลือกรูปแบบยางยืดที่จะใช้ได้ แล้วยางมีแบบไหนบ้างล่ะ แต่ละอันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
1. Exercise band ข้อดีมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก แรงต้านน้อยเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่ม ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ลดน้ำหนักหรือบริหารกล้ามเนื้อ , เด็ก , ผู้สูงอายุ , ผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ข้อเสีย อายุการใช้งานสั้นเนื่องจากมีความบางและไม่มีที่จับ
2. Resistance tube ข้อดีใช้เล่นได้ครบทุกส่วน มีด้ามจับทำให้ไม่เจ็บมือ ประยุกต์ท่าเล่นได้กับ กล้ามเนื้อทุกส่วน สามารถปรับเพิ่มหรือลดแรงต้านได้สะดวก ทำให้เพิ่มกล้ามเนื้อและลดน้ำหนัก ได้ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ข้อเสียจะใช้ในการดึงข้อไม่ได้
3.Loop band ข้อดีมีแรงต้านมาก สามารถรับน้ำหนักตัวได้มาก แข็งแรงไม่ลื่น สามารถประยุกต์ใช้ ออกกำลังกายได้หลากหลายเหมาะที่จะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกับผู้ที่ออกกำลังกายมานาน มีความชำนาญในการใช้ข้อเสียเนื่องจากแรงต้านที่มากกว่ายางแบบอื่นจะไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มต้น , ผู้สูงอายุ , เด็ก
4. Mini loop band ข้อดีมีลักษณะเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบาแรงต้านอยู่ในระดับน้อย สะดวกสำหรับการบริหารร่างกายทั่วไป โดยเฉพาะ บริหาร ต้นขาและก้น จุดด้อย อายุการใช้งานจะสั้น ไม่เหมาะกับท่าออกกำลังกายที่ขยับเป็นวงกว้าง เหมาะกับใคร เหมาะกับคนที่อยากบริหารหรือสร้างกล้ามเนื้อส่วนล่าง เช่น ผู้หญิง , คนที่มี กล้ามเนื้อส่วนล่างไม่แข็งแรงมีเวลาออกกำลังกายน้อย, ผู้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อมัดเล็ก